shopup.com
เครื่องผลิตออกซิเจน แบบพกพา สำหรับเดินทางในรถยนต์ บนเครื่องบิน (มีแบตเตอรี่ รองรับการใช้งานเคลื่อนที่) เครื่องผลิตออกซิเจน แบบพกพา สำหรับเดินทางในรถยนต์ บนเครื่องบิน (มีแบตเตอรี่ รองรับการใช้งานเคลื่อนที่)
รหัส : Invacare Platinum Mobile
Invacare Platinum Mobile ขนาดเล็ก พกพาสะดวก น้ำหนัก 2.18 kg สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ สามารถต่อพ่วงไฟรถยนต์ได้ (รับประกัน 3 ปี)
จาก 109,000.00 บาท ลดทันที 11500 บาท
ราคา 97,500.00 บาท

07 กันยายน 2566

ผู้ชม 4098 ผู้ชม

เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา Invacare Platinum Mobile

"เหมาะในการใช้สำหรับเดินทางในรถยนต์ บนเครื่องบิน มีแบตเตอรี่รองรับการใช้งานเคลื่อนที่"

"ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา 2.18 kg พกพาสะดวก"

 

รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี

++ เพิ่มการันตีพิเศษ คอมเพรสเซอร์ 3 ปี

"รับประกันนานกว่าที่อื่นๆ มีเครื่องสำรองให้ใช้ฟรีระหว่างรอซ่อม หมดปัญหาไม่มีเครื่องใช้ตอนรอซ่อม"

 

ทำไมต้องซื้อรุ่นนี้/จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ

1. น้ำหนักเบาเพียง 2.18 กิโลกรัม 

2. สามารถนำไปใช้งานบนเครื่องบินได้ ได้รับการรับรองจาก FAA (ซึ่งปกติแล้วเครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาจะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ทุกรุ่น จะสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในกรณีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ FAA)

3. ในชุดอุปกรณ์มีกระเป๋าและสายสะพาย ทำให้การพกพาสะดวก

4. แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง

5. มีระยะรับประกันนานถึง 2 ปี มีศูนย์ให้บริการในประเทศไทย มีเครื่องสำรองให้ใช้ระหว่างรอซ่อมตลอดอายุการใช้งาน  

 

รายละเอียดคุณสมบัติสินค้า

    เครื่องผลิตออกซิเจน Invacare Platinum Mobile

  • อัตราการไหลของออกซิเจน P1-P4
  • ความเข้มข้นออกซิเจน 87%-95.6%
  • ขนาด 18.8 x 9.4 x 23.9 ซม.
  • น้ำหนัก 2.18 กิโลกรัม
  • ระดับเสียง 55 เดซิเบล ± 5 เดซิเบล
  • ใช้กับไฟ AC 110–240 VAC, 50–60 Hz / DC 11–16 VDC
  • กำลังไฟ < 18-45 วัตต์ ( ขึ้นอยู่กับ Pulse Setting ที่เลือก)
  • ใช้ไฟบ้าน ไฟรถยนต์ และมีแบตเตอรี่สำหรับพกพา
  • แบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 5 ชั่วโมง ( ขึ้นอยู่กับ Pulse Setting ที่เลือก)
  • สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
  • สามารถใช้งานบนยานพาหนะ รถยนต์ และเครื่องบินได้ (ได้รับการรับรองจาก FAA)
  • ทนต่อสภาพอากาศ ตั้งแต่ 5°C ถึง 40°C
  • สามารถป้องกันละอองน้ำ และฝนได้จากการทดสอบมาตราฐาน IP22 สามารถกันฝนได้ถึง 10 นาที
  • มีขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักที่เบา มาพร้อม Carry Bag กันกระแทกอย่างดี และสายสะพาย ง่ายต่อการพกพา
  • มีแจ้งเตือนไฟฟ้าขัดข้องและความดันผิดปกติ
  • หน้าจอแสดงผล แสดงรายละเอียดอัตราการไหลของออกซิเจน P1-P4
  • สัญญาณเตือนหากไม่มีไฟเข้า หรือ ความดันไฟผิดปกติ
  • มีสัญญาณแจ้งเตือนหากตรวจไม่พบการหายใจ 15 นาที

 

อุปกรณ์ประกอบการใช้งาน

  • คู่มือการใช้งาน 1 ชุด
  • แบตเตอรี่ 1 ก้อน
  • สายเชื่อมต่อไฟบ้าน + ในรถยนต์ 1 ชุด
  • สาย Oxygen Cannula 2 ชุด

 

การรับประกันสินค้า
  • รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี
  • เพิ่มการันตีพิเศษ รับประกันคอมเพรสเซอร์ 3 ปี
  • มีศูนย์ซ่อมบริการ ที่มีทีมช่างเทคนิคให้บริการ พร้อมให้คำปรึกษา วิธีการใช้งาน บริการตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีเครื่องสำรองให้ใช้ระหว่างรอซ่อมตลอดอายุการใช้งาน

 

สินค้าแนะนำ

คุณภาพดี การันตีงานคุณภาพ นำเข้าจากโรงงานที่ได้มาตราฐาน

ลูกค้าที่ซื้อไปถูกใจทุกคน ใช้ง่าย วัสดุคุณภาพดี มีความทนทาน 

สินค้ารับประกันคุณภาพ 

 

โปรโมชั่นพิเศษ

ราคาพิเศษ 97,500 บาท 
ราคาต้นทาง ไม่ผ่านคนกลาง !!

ของแถมครบ พร้อมใช้งาน

ถูกที่สุด!! ที่นี่ที่เดียว!!

 

 เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา Invacare Platinum Mobile

เครื่องผลิตออกซิเจน

 

อ่านคำเตือนในฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้

ใบอนุญาตโฆษณาเครื่องมือแพทย์เลขที่ ฆพ.605/2564

 

เครื่องผลิตออกซิเจน (Oxygen Concentrator)

  • เครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับใช้ทางการแพทย์ เพื่อใช้บำบัดสำหรับผู้ป่วยที่ขาดแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง
  • เครื่องผลิตออกซิเจนเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการได้รับออกซิเจนเสริมอย่างต่อเนื่อง
  • เครื่องผลิตออกซิเจนจัดเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องออกซิเจน เมื่อวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนจากปลายนิ้ว (SpO2) จะได้ค่าน้อยกว่า 90 % ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคมะเร็งปอด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD) โรคถุงลมโป่งพอง (Pulmonary emphysema) และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic bronchitis) ไข้หวัด โควิด-19 เป็นต้น

 

เครื่องผลิตออกซิเจน มี 2 ประเภท

  • เครื่องผลิตออกซิเจนใช้ในบ้าน (Oxygen Concentrator for Home Use) เครื่องผลิตออกซิเจนสำหรับใช้ในบ้านแบ่งออกเป็นขนาดต่างๆ ตามสเปกของเครื่องผลิตออกซิเจน อัตราการไหลของปริมาณออกซิเจนต่อนาที ได้แก่ เครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 3 ลิตร 5 ลิตร 6 ลิตร 8 ลิตร 10 ลิตร และ 10 ลิตรชนิดแรงดันสูง 20PSI จำเป็นต้องเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่าผู้ป่วยควรจะต้องให้ออกซิเจนในอัตรากี่ลิตร/นาที เพื่อพิจารณาว่าควรจะเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนอย่างไรขนาดใดถึงจะเหมาะสมกับผู้ป่วย นอกจากนี้ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องพ่นยาด้วยหรือไม่ ถ้าหากผู้ป่วยต้องพ่นยาในระหว่างทำการรักษาก็จำเป็นต้องเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนที่มีฟังก์ชั่นพ่นยาในตัว และยังต้องคำนึงถึงอุปกรณ์ที่ใช้กับผู้ป่วย เช่น ถ้าเป็นเคสที่ผู้ป่วยเจาะคอใช้อุปกรณ์สายงวงช้าง (Corrugated Tube) ก็อาจจะต้องเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนที่มีแรงดันสูงชนิด 20PSI เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เครื่องผลิตออกซิเจนประเภทนี้จะใช้ไฟฟ้าตามบ้าน เสียบปลั๊กไฟเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป หากต้องให้ออกซิเจนในเวลากลางคืนช่วงเวลานอนควรเลือกเครื่องที่เสียงเบาจะได้ไม่รบกวนเวลานอนพักผ่อน และในบางเคสที่แพทย์สั่งให้ต้องรับออกซิเจนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน อาจทำให้ต้องเปิดเครื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน ก็ควรเลือกเครื่องรุ่นที่ประหยัดพลังงาน กินไฟน้อยจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า

 

  • เครื่องผลิตออกซิเจน สำหรับใช้นอกสถานที่เมื่อมีการเดินทาง ที่เรามักจะเรียกว่า "เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา" "Portable Oxygen Concentrator" เป็นเครื่องผลิตออกซิเจนขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีตั้งแต่ 2-8 กิโลกรัม ส่วนใหญ่จะมีกระเป๋าสะพายมากับตัวเครื่อง สามารถสะพายพกพาไปในที่ต่างๆได้อย่างสะดวก บางรุ่นสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพาจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ บางรุ่นจะแถมแบตเตอรี่มาให้หลายก้อนเพื่อสำรองในกรณีที่ต้องเปลี่ยนถ่ายแบตเตอรี่ในขณะเดินทาง หรือในยามที่อยู่นอกบ้านไม่สามารถชาร์จไฟได้ นอกจากนี้บางรุ่นจะสามารถพ่วงต่อกับไฟรถยนต์ได้ด้วย

 

เครื่องผลิตออกซิเจนพกพา 

  • เครื่องผลิตออกซิเจนพกพาที่ปล่อยออกซิเจนแบบต่อเนื่อง (Continuous Dose)
    เครื่องผลิตออกซิเจนพกพาชนิด Continuous Dose จะเป็นระบบที่ปล่อยออกซิเจนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เครื่องยังคงใช้ไฟค่อยข้างมาก น้ำหนักมาก เหมาะสำหรับใช้ต่อพ่วงกับไฟรถยนต์เป็นหลัก ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถยนต์ ไม่เหมาะสำหรับพกพาไปในที่ต่างๆในแบบอิสระ เนื่องจากเครื่องมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะประมาณ 6-8 กิโลกรัม ทำให้ไม่คล่องตัว

 

  • เครื่องผลิตออกซิเจนพกพาที่ปล่อยออกซิเจนตามจังหวะการหายใจของผู้ป่วย (Pulse Dose)
    เครื่องผลิตออกซิเจนพกพาชนิด Pulse Dose จะเป็นระบบที่จับสัญญาณเซนเซอร์ปล่อยออกซิเจนตามจังหวะการหายใจของผู้ป่วย ไม่ได้ปล่อยออกตลอดเวลา คล้ายการหายใจตามธรรมชาติ ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกอึดอัด ข้อดีของเครื่องผลิตออกซิเจนพกพาแบบ Pulse Dose คือเครื่องจะทำงานตามจังหวะการหายใจ ตามความต้องการของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงตามระดับกิจกรรมที่ทำในขณะนั้นๆ ในขณะที่กำลังนั่งพัก อัตราการหายใจและความต้องการออกซิเจนจะต่ำกว่าในขณะที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆเช่นเดินเร็ว ร่างการจะหายใจเร็วขึ้นถี่ขึ้น และนอกจากนี้เครื่องผลิตออกซิเจนพกพาชนิด Pulse Dose ยังออกแบบให้มีขนาดเล็กกว่า และน้ำหนักเบากว่า สะดวกในการพกพาไปในที่ต่างๆได้อย่างอิสระ ช่วยให้สามารถดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว

 

กลไกการทำงานของเครื่องผลิตออกซิเจน (Oxygen Concentrator)

  • เครื่องผลิตออกซิเจนทำงานโดยอาศัยหลักการ pressure swing adsorption หรือ PSA โดยจะใช้ ซีโอไลท์ (zeolite) เพื่อทำการดูดซับไนโตรเจนออกจากอากาศที่ความดันสูง ไนโตรเจนจะยึดตัวติดกับผิวของซีโอไลท์ และไนโตรเจนจะถูกปล่อยออกมา พร้อมทั้งปล่อยออกซิเจนที่เกือบจะบริสุทธิ์ออกมา โดยทั่วไปออกซิเจนที่ได้จากเครื่องผลิตออกซิเจนจะมีสิ่งเจือปน คืออาร์กอน, CO₂, และไอน้ำเล็กน้อย ออกซิเจนจากเครื่องออกซิเจนนี้จะมีความบริสุทธิ์ได้สูงสุดที่ 96% 

 

การเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนให้เหมาะกับอุปกรณ์ให้ออกซิเจน

  • จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้เครื่องผลิตออกซิเจน การใช้โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ หากแพทย์วินิจฉัยว่าโรคที่กำลังเป็นอยู่นั่นสมควรจะต้องได้รับออกซิเจนเสริม แพทย์จะทำการแนะนำว่าผู้ป่วยควรได้รับปริมาณออกซิเจนเท่าไหร่(อัตราการไหลของออกซิเจน/นาที) และต้องให้ออกซิเจนนานแค่ไหน (ให้วันละกี่ชั่วโมง) และต้องใช้กับอุปกรณ์ชนิดใด ตัวอย่างอุปกรณ์ให้ออกซิเจนที่นิยมใช้กัน ได้แก่
  1. Nasal cannula หรือสายเสียบจมูก อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้สำหรับการให้ออกซิเจนในอัตราการไหลที่ 1-5 ลิตร/นาที ไม่ควรใช้อัตราการไหลของออกซิเจนที่สูงเกินไปเนื่องจากจะทำให้เยื่อบุจมูกแห้งและแสบจมูกได้ ข้อดีของการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้คือ ประหยัด สามารถติดยึดกับผู้ป่วยได้ง่ายกว่าแบบหน้ากาก และยังสามารถให้อาหารแก่ผู้ป่วยทางปากได้โดยไม่ต้องหยุดให้ออกซิเจน แต่มีข้อจำกัดในการใช้ในผู้ป่วยที่มีน้ำมูกมาก มีสารคัดหลั่งในโพรงจมูกมาก เยื่อบุจมูกบวม หรือผนังจมูกเอียง
  2. Simple face mask เป็นหน้ากากออกซิเจนที่ครอบบริเวณจมูกและปาก มีสายรัดศรีษะเพื่อให้หน้ากากยึดติดกับใบหน้าผู้ป่วย ควรใส่ให้แนบสนิทกับใบหน้าผู้ป่วย อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้สำหรับการให้ออกซิเจนในอัตราการไหลที่ 5-10 ลิตร/นาที ไม่ควรเปิดต่ำกว่า 5 ลิตร/นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคั่งค้างของก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผู้ป่วยหายใจออกไป
  3. Partial-rebreathing mask เป็นหน้ากากออกซิเจนคล้ายๆกับ simple face mask แต่ต่างกันที่จะมีถุง reservoir bag ที่ปลายด้านหนึ่งของหน้ากาก อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้สำหรับการให้ออกซิเจนในอัตราการไหลที่ 6-10 ลิตร/นาที และควรปรับอัตราการไหลของออกซิเจนให้ถุง reservoir bag โป่งอยู่เสมอ
  4. Non-rebreathing mask เป็นหน้ากากออกซิเจนมีลักษณะเช่นเดียวกับ partial-rebreathing mask แต่มีช่องกั้น 2 ช่องเพื่อป้องกันการผสมกันของลมหายใจออกและออกซิเจนบริสุทธ์ที่ออกมาจากตัวเครื่องผลิตออกซิเจน อุปกรณ์ชนิดนี้ใช้สำหรับการให้ออกซิเจนในอัตราการไหลที่ 8-10 ลิตร/นาที

 

ข้อควรในการเลือกเครื่องผลิตออกซิเจน

  • เครื่องผลิตออกซิเจนเกรดทางการแพทย์จะสามารถผลิตออกซิเจนที่มีความบริสุทธิ์ มากกว่า 90% (-3%) ที่ระดับการจ่ายออกซิเจนสูงสุด เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาผู้ป่วย
  • อายุการใช้งานที่ยาวนาน เครื่องผลิตออกซิเจนแต่ละรุ่นจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ต่ำสุด 10,000 ชั่วโมง 12,000 ชั่วโมง 20,000 ชั่วโมง จนไปถึง 30,000 ชั่วโมง อายุการใช้งานของเครื่องจะขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณของสารซีโอไลท์ (zeolite) ซึ่งจะถูกบรรจุอยู่ในกระบอกด้านหลังของตัวเครื่อง ทำหน้าที่ในการการดูดซับไนโตรเจนออกจากอากาศเพื่อผลิตออกซิเจนบริสุทธิ์ออกมา หากเครื่องผลิตออกซิเจนหมดอายุการใช้งานจะมีสัญญาณไฟเตือนให้เปลี่ยนกระบอกสารซีโอไลท์ (zeolite)
  • ชนิดของไส้กรองอากาศ ปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดคุณภาพและราคาของเครื่องผลิตออกซิเจนก็คือ "ไส้กรองอากาศ" ซึ่งในปัจจุบันจะมีหลายเกรดเรียงตามคุณภาพได้ดังนี้ ไส้กรองแผ่นกระดาษธรรมดา ไส้กรองชนิดฟองน้ำละเอียด ไส้กรองชนิด HEPA Filter ที่เป็นเกรดคุณภาพสูงสุด กำหนดเป็นมาตรฐานของยุโรปและอเมริกา ไส้กรองชนิด HEPA Filter จะมีราคาแพงแต่ให้ความปลอดภัยกว่าไส้กรองอากาศชนิดอื่นๆ สามารถกรองเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรียและฝุ่น PM 2.5 
  • ต้องมีตัวตรวจสอบความเข้มข้นของออกซิเจน (Oxygen Monitor) เครื่องผลิตออกซิเจนที่ดีต้องสามารถผลิตออกซิเจนที่มีความเข้มข้นที่ได้มาตรฐานตลอดเวลา มากกว่า 90% (-3%) ดังนั้นเครื่องต้องมีตัวตรวจสอบ%ความเข้มข้นของออกซิเจนที่ปล่อยออกมา และมีสัญญาณเตือนเมื่อความเข้มข้นออกซิเจนลดลงต่ำกว่าค่ามาตรฐาน
  • มีอัตราการกินไฟต่ำ โดยให้ดูจากอัตราการกินไฟ (วัตต์ต่อชั่วโมง) ให้เลือกเครื่องที่มีอัตราการกินไฟต่ำ จะได้ประหยัดค่าไฟฟ้า
  • ต้องสามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน
  • ต้องเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนรุ่นที่เสียงเบา โดยเฉพาะหากต้องเปิดในช่วงเวลากลางคืนก็ควรเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนรุ่นที่เสียงเบาที่สุดจะได้ไม่รบกวนผู้ป่วยเวลานอนหลับ โดยดูได้จากค่าระดับเสียงซึ่งมีหน่วยวัดเป็นเดซิเบล  

 

คลิ๊ก!! เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติม

https://lin.ee/nAqtAGu

** สอบถามข้อมูลสินค้า  

   ยินดีให้คำปรึกษาฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
   Line ID : @cumedicalhome

   โทร. 086-368-5766
 

**ส่งสินค้าให้ท่านอย่างมั่นใจ รวดเร็วทันใจ จัดส่งฟรีทั่วประเทศ!!

 

CU Medical Home เครื่องผลิตออกซิเจน

CU Medical Home เครื่องผลิตออกซิเจน

 

ดูเครื่องผลิตออกซิเจนทั้งหมด คลิ๊กที่นี่

Engine by shopup.com